MOVIE REVIEW: ONE FOR THE ROAD: THE LAST DAY.. BEFORE SAYING GOODBYE TO YOU WHEN SELFISHNESS LEADS TO LOSS

Movie Review: One for the Road: The Last Day.. Before Saying Goodbye to You When Selfishness Leads to Loss

Movie Review: One for the Road: The Last Day.. Before Saying Goodbye to You When Selfishness Leads to Loss

Blog Article

รีวิวหนัง One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ เมื่อความเห็นแก่ตัว นำมาสู่ความสูญเสีย


ประเภทของภาพยนตร์: ดราม่า


วันที่เข้าฉาย: 10 กุมภาพันธ์ 2022


ผู้กำกับ: นัฐวุฒิ พูนพิริยะ


นักแสดงนำ: ธนภพ ลีรัตนขจร, ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์, วิโอเลต วอเทียร์


ความยาว : 136 นาที


Movie-Review-One-for-the-Road-The-Last-Day.-Before-Saying-Goodbye-to-You-When-Selfishness-Leads-to-Loss

 

เรื่องย่อ:


One for the Road หรือ วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ บอกเล่าเรื่องราวของอู๊ด (ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์) พบว่าตัวเองอยู่ในสภาพใกล้ตาย หลังจากที่การทำคีโมบำบัดเพื่อรักษามะเร็งไม่ช่วยให้เขาอาการดีขึ้น มิหนำซ้ำเขาเองยังรู้สึกว่า “กรรมพันธุ์” ดังกล่าวที่ถูกส่งต่อมาจากพ่อของเขาเอง จะทำให้อายุขัยของเขาน่าจะสิ้นสุดในอีกไม่ช้า เมื่ออู๊ดรู้ตัวว่าโอกาสในการใช้ชีวิตจะเหลืออีกไม่นานนัก เขาจึงตัดสินใจไล่โทรศัพท์หาคนที่เขารู้จักในชีวิต แต่มีไม่กี่คนที่เขาจัดลำดับความสำคัญเอาไว้ให้เป็นบุคคลพิเศษ โดยตัวอู๊ดเองอยากจะพบหน้าข้าตาแบบตัวเป็นๆ คงหนีไม่พ้นบรรดาแฟนเก่าของตัวเองที่จบสิ้นความสัมพันธ์ไปแล้ว เขาจึงโทรศัพท์ไปร้องขอบอส (ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร) เพื่อนสนิท ซึ่งเปิดกิจการร้านบาร์เหล้าค็อกเทลในมหานครนิวยอร์กให้ช่วยปิดร้านเป็นการชั่วคราว เพื่อมาช่วยเขา “ขับรถ” พาอู๊ดเดินทางขึ้นเหนือลงใต้ไปหาบรรดาแฟนเก่า เพื่อกล่าวคำขอโทษและบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย   หนังฟรี

แฟนคนแรกที่อู๊ดร้องขอให้บอสเดินทางไปพบ คืออลิซ (พลอย หอวัง) เจ้าของโรงเรียนสอนเต้น โดยช่วงเวลาที่ทั้งสองคบหากัน แม้จะจบลงอย่างไม่ค่อยราบรื่น แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของแฟนคนนี้ ดูจะไม่มาคุและไม่เผาพริกเกลือกันเท่าหนูนา (ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) ซึ่งตอนนี้เธอได้กลายเป็นดาราละครไทยที่กำลังได้รับความนิยม ส่วน รุ้ง (นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) ช่างภาพหญิงที่ตอนนี้ได้แต่งงานมีครอบครัวและลูกสาวแล้ว ก็ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากจะพบหน้ากับอู๊ดสักเท่าไหร่

เบี้ยบ้ายรายทาง เราอาจจะเห็นความพยายามแก้ไขความผิดของอู๊ดตลอดการเดินทางไปขอโทษเหล่าบรรดาแฟนเก่า ในขณะเดียวกันหนังได้พยายามใส่ฉากย้อนเวลากลับไปสู่ห้วงคำนึงที่อู๊ดได้ใช้ชีวิตอยู่กับอลิซ หนูนา และพี่รุ้ง ว่าทำไมคนอย่างอู๊ดจึงเลือกที่จะจดจำเหตุการณ์สำคัญเหล่านั้นเอาไว้ เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งเรื่องแรก เป็นเหมือนส่วนเติมเต็มให้กับเรื่องราวในช่วงครึ่งหลัง เมื่อหนังหันกลับมาเล่าเรื่องราวของบอส ที่ดูเหมือนเป็นตัวละครสมทบให้กับอู๊ดในช่วงครึ่งแรก ว่าจริงๆแล้วแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้บอสไปใช้ชีวิตเป็น “เด็กนอก” นั้นเริ่มต้นขึ้นจากจุดไหน ในช่วงเวลาที่แม่ของบอส (รฐา โพธิ์งาม) ที่ตัดสินใจแต่งงานกับเจ้าของโรงแรมชื่อดังในพัทยา โดยเธอได้ตกลงกับลูกชายอย่างบอสว่าให้เรียกเธอว่าเป็นพี่สาวไม่ใช่ “แม่” เราพอจะคาดเดาได้ว่าด้วย “สถานภาพทางอาชีพ” ของแม่บอสนั้น คงจะดีกว่าถ้าหากเธอกลายเป็นพี่สาว มากกว่าเป็นแม่ที่มีลูกชายติดสอยห้อยตามมาด้วยหนึ่งคน และเมื่อมองในแง่ของฝั่งสามีนักธุรกิจ การจดทะเบียนสมรสน่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับการชุบตัวครั้งใหม่ครั้งนี้

แม้จะเป็นฉากสั้นๆที่ชี้ชวนให้คนดูตีความไปต่างๆนานา แต่การที่ตัวบอสถูกผลักไสไล่ส่งทางอ้อมจากครอบครัวใหม่ น่าจะเป็นปมเล็กๆในจิตใจที่ทำให้ตัวละครนี้ “เหงา” กว่าที่คิด เมื่อเขาอยากจะลิ้มลองรสชาติของค็อกเทล ทั้งที่ตัวเองอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่เมื่อเขาได้พบกับพริม (วี-วิโอเลต วอเทียร์) ผู้หญิงรุ่นพี่คนนี้จึงเป็นทั้งคนที่เปิดโลกให้กับบอสและยังเป็นความรักที่เขาโหยหามาตลอดชีวิตด้วย แม้ปลายทางของเรื่องเราอาจจะไม่รู้อย่างแน่ชัดก็ตามทีว่าบอส “ยกโทษ” ให้กับอู๊ดหรือไม่ แต่ม้วนเทปจัดรายการที่เปรียบเสมือนจดหมายบอกลาครั้งสุดท้ายของอู๊ดที่ถูกส่งตรงมาให้บอสฟังนั้น อย่างน้อยมันก็ทำให้เราได้เข้าใจว่าชีวิตมนุษย์เรานั้นช่างสั้นเหลือเกินที่จะโกรธเกลียดกัน หรือแม้กระทั่งคำขอโทษที่เป็นเรื่องยากเย็นเหลือเกินที่ใครสักคนจะพูดมันออกมา และปล่อยให้เรื่องราวคาราคาซังบานปลายไม่รู้จบ

ความเห็นแก่ตัว ความผิดพลาด ล้วนแล้วแต่กลายเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน ตัวละครอย่างอู๊ดอาจจะเคยเป็นเพื่อนรักของบอสในห้วงเวลาหนึ่ง ถามว่าเขาเป็นมิตรแท้หรือไม่ บอสเองอาจจะรู้สึกเช่นนั้นในยามที่เขาไม่เหลือใคร แต่สำหรับอู๊ดในช่วงเวลาดังกล่าวบอสเปรียบได้กับมิตรภาพที่มาพร้อมผลประโยชน์ แต่เมื่อวันสุดท้ายของชีวิตมาถึงอู๊ดก็รู้ดีว่า สิ่งที่เขาควรจะทำนั้น คือการ “ขอโทษ” เพื่อน เป็นครั้งสุดท้ายนั่นเอง ว่าสิ่งที่เขาเคยทำลงไปกับคนรอบตัวนั้นมันผิด!

 

ความรู้สึกหลังจากชมภาพยนตร์:


One for the Road อาจจะไม่ได้ถึงขั้นดีเลิศสมบูรณ์แบบอะไร เพราะหลายๆ มุมก็ยังคงแฝงด้วยสูตรสำเร็จง่ายๆ ที่เข้าถึงคนดูได้ไม่ยาก แต่ลูกเล่นในการเล่าเรื่องและไดอะล็อกต่างๆ ที่ถูกวางเอาไว้อย่างบรรจงตลอดทั้งเรื่องนี้ ถูกปรุงออกมาเป็นสูตรที่กลมกล่อมและคมคาย โดยน่าจะแบ่งหนังออกได้เป็น 2 องก์หลักๆ ในขณะที่องก์แรกคือโร้ดทริปไปตามรายทาง องค์สองก็คือความบอบช้ำจากผลแห่งการกระทำทั้งหมด ต้องยอมรับว่าหนังเรื่องนี้สร้างมิติให้กับตัวละครในทุกๆ ตัวเลยก็ว่าได้ จึงทำให้ทุกคาแรกเตอร์ในหนังเรื่องนี้มีมุมมองและเหตุผลในตัวเองเป็นอย่างดี เหตุและผลที่ไม่จำเป็นจะต้องเล่าออกมาเป็นภาพเพื่อขยายความ แต่ใช้ความรู้สึกของตัวละครนี่แหละ เป็นตัวขยายความในตัวของมันเองโดยอัตโนมัติ และนี่ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ค่อนข้างดีในหนังเรื่องนี้ และถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างแข็งแรง สามารถประคับประคองหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้สบายๆ

ในขณะที่องค์ประกอบของนักแสดงนั้น คงจะต้องลุกปรบมือให้เลย เพราะแคสติ้งของหนังเรื่องนี้เลือกมาได้เป็นอย่างดีทุกตัวละคร "ต่อ ธนภพ" กับ "ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์" เป็นนักแสดงนำคู่ที่ช่วยกันประคองหนังทั้งเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างสบายๆ การแสดงในระดับมืออาชีพของทั้งคู่ต้องยกนิ้วให้เลย เพราะทุกอย่างถ่ายทอดออกมาเป็นธรรมชาติ เล่นน้อยแต่อินเนอร์ออกมาเพียบ ซีนอารมณ์ต่างๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีแบบไม่มีใครยอมใคร แต่อาจจะเทใจให้กับไอซ์ซึไปเล็กน้อย เพราะนี่คืออีกหนึ่งผลงานการแสดงที่ดีของเขาเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่เพียงการทรานสฟอรม์ร่างกายตัวเอง เพื่อสวมบทบาทผู้ป่วยโรคร้ายจริงๆ กับการลดน้ำหนักแบบสุดขั้ว แต่อินเนอร์และการยั้งเข้าถึงบทบาทอารมณ์ของตัวละครก็ถือว่าแทบจะแบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้เลย และเขาผู้นี้ก็น่าจะไม่พลาดที่จะได้เข้าชิงรางวัลทางการแสดงต่างๆ อย่างแน่นอน และคาดว่าน่าจะได้รางวัลติดมือด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ 2 หนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นตัวนำเรื่องแล้ว บรรดาสาวๆ ที่เป็นองค์ประกอบแฟนส์เก่านั้น ก็ถือว่าทำได้ดีไม่น้อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น "พลอย หอวัง" ที่เฉิดฉายจากหนังเรื่องนี้แบบเซอร์ไพรส์ "ออกแบบ ชุติมณฑน์" ที่ให้การแสดงน้อยแต่มากได้ดี เช่นเดียวกับ "นุ่น ศิรพันธ์" ที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก...เธอคนนี้อินเนอร์นักแสดงมาเต็ม และยังมี "วี วิโอเลต" ที่เป็นคนที่ไม่สามารถละสายตาไปได้ หนังเรื่องนี้ขับเสน่ห์และเทคนิคการแสดงของวีออกมาได้อย่างดี ยิ่งซีนอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความเรียลจัดๆ ต้องปรบมือให้เธอเลย เราน่าจะทราบว่า "หว่องกาไว" ปรมาจารย์นักสร้างหนังระดับเอเชีย มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับหนังเรื่องนี้ และแน่นอนว่าหนังเรื่องนี้จึงได้รับอิทธิพลความหว่องเข้ามาแทรกเสริมอยู่ประปราย แต่ก็ไม่ใช่เป็นการคัดลอกสูตรกันมา เพราะหนังเรื่องนี้เองก็ยังมีความเป็น บาส นัฐวุฒิ ผู้กำกับของหนังเองอยู่ค่อนข้างสูงเช่นเดียวกัน และต้องบอกเลยว่านี่น่าจะเป็นหนังที่สร้างมาจากตัวตนและสิ่งที่ผู้กำกับอยากจะถ่ายทอดออกมาจริงๆ ด้วยซ้ำ   2u-hd.com

One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ยังโดดเด่นเรื่องโปรดักชั่นดีไซน์ ที่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าแตกต่างจากหนังไทยทั่วๆ ไปอย่างแจ่มแจ้ง การออกแบบฉากและจัดวางแสงสีต่างๆ สัมผัสได้ถึงความละเอียดและละเมียดละไมที่เป็นการถ่ายทอดที่ทำออกมาได้บิ้วท์อารมณ์ผู้ชมได้ดี กลายเป็นกำไรของคนดูที่ได้เห็นหนังไทยสไตล์อินเตอร์แบบเรียลๆ ที่เต็มไปด้วยความเป็นธรรมชาติองค์ประกอบแวดล้อมต่างๆ แทบจะทุกอณู และอีกสิ่งที่รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ทำได้ดีไม่น้อยหน้าองค์ประกอบอื่นๆ จนต้องหยิบเอามาชื่นชมก็คือ เทคนิคการแต่งหน้าในหนัง แม้ว่าจะเป็นองค์ประกอบเล็กน้อยที่ส่วนใหญ่ผู้ชมไม่ค่อยให้ความสำเร็จกันสักเท่าไหร่ แต่หากว่าพินิจดูรายละเอียดจริงๆ แล้ว เทคนิคการแต่งหน้าให้กับนักแสดงเรื่องนี้เต็มไปด้วยกิมมิกที่ช่วยบอกเล่าเรื่องราวเป็นอีกนัยได้อย่างสมบูรณ์ มีการลงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่คนดูอาจจะไม่ทันได้สังเกตเข้ามาใส่ไว้ ทั้งรอยสิวหรือรอยย่นบนใบหน้า เป็นสิ่งที่ช่วยแยกไทม์ไลน์ในการเล่าเรื่องได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

คงต้องบอกว่า One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ก็น่าจะเป็นหนังที่ บาส นัฐวุฒิ ได้มีอิสระในการเล่าเรื่องในสิ่งที่ตัวเองอย่างเล่าอย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น หนังเรื่องนี้มีความเป็นส่วนตัวสำหรับเขาค่อนข้างมาก เป็นมุมมองที่สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในต่างประเทศกับเรื่องราวดราม่าในชีวิต ที่ได้แรงบันดาลใจตัวผู้สร้างเองแท้ๆ และนี่จึงเป็นจุดที่ทำให้หนังเล่าเรื่องออกมาได้อย่างมีจังหวะ กับเรื่องเล่าที่เล่าผ่านมุมมองของ แก้วเหล้า แก้วค็อกเทล ทุกๆ แก้วที่เต็มไปด้วยเรื่องราวในตัวเอง รสชาติแต่ละแก้วแตกต่างกัน ก็เหมือนกับชีวิตในช่วงที่ผ่านๆ ต่างก็มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน แม้ว่าจะเป็นหนังที่อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบดีเลิศที่ดีสุด แต่หลายๆ องค์ประกอบก็ถือว่าช่วยยกระดับความเป็นหนังไทยได้ดีขึ้นอีกเป็นกอง และเชื่อเหลือเกินว่า บาส นัฐวุฒิ ผู้กำกับชาวไทยผู้นี้ อนาคตยังไปต่อได้อีกไกลและน่าจะยิ่งใหญ่ได้ยิ่งกว่านี้

#ดูหนังฟรี #ดูหนังใหม่2024  #OnefortheRoad #วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

กลับด้านบน

Report this page